วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Programming (การโปรแกรม) with Visual Basic 6.0 

What is Visual Basic?
วิชวลเบสิกคืออะไร


Visual Basic is a tool that allows us to develop Windows (Graphic User Interface - GUI) applications.  The applications have a familiar appearance to the user.
วิชวลเบสิก เป็นเครื่องมือของเราในการสร้างแอ็ปปลิเคชัน (โปรแกรมประยุกต์) ที่ทำงานภายใต้ระบบปฏิบัติการ Windows ซึ่งแอ็ปปลิเคชันที่ได้จะมีรูปแบบการติดต่อกับผู้ใช้เป็นกราฟิก (GUI : Graphic User Interface)

 Visual Basic is event-driven, meaning code remains idle until it is called upon to respond to some event (e.g. mouse clicking, button pressing, menu selection, ...).  Nothing happens until an event is detected.  Once an event is detected, the code corresponding to that event (event procedure) is executed.  

วิ ชวลเบสิก จะใช้ Event (เหตุการณ์) เป็นตัวขับเคลื่อนคำสั่ง (event-driven)  หมายความว่า โค้ดของโปรแกรม จะยังไม่ทำอะไร (idle) จนกว่ามันจะถูกเรียกให้ตอบสนองต่อ event  (เช่น การคลิกเมาส์  การกดปุ่ม  การเลือกเมนู  ฯลฯ)  นั่นคือ จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนกว่า event จะถูกตรวจพบ  เมื่อนั้นแหละ code ของโปรแกรมก็จะตอบสนองต่อ event นั้นๆ  ในลักษณะของโปรแกรมย่อยๆ หรือโมดุล (event procedure)
 

 How to program with Visual Basic?
จะโปรแกรมด้วยวิชวลเบสิกอย่างไร
 

Steps in Developing Application 
ขั้นตอนการพัฒนาแอ็ปปลิเคชัน

There are three primary steps involved in building a Visual Basic application:
มีขั้นตอนหลักๆ 3 ขั้นตอน ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างแอ็ปปลิเคชันด้วยวิชวลเบสิก
1.    Draw the user interface  ออกแบบส่วนติดต่อกับผู้ใช้
2.    Assign properties to controls  กำหนดคุณสมบัติให้กับคอนโทรล
3.    Attach code to controls  ผูกติด code เข้ากับคอนโทรล


Stop Watch Application
โปรแกรมจับเวลา


1 At the "Start-up Menu" of our Windows Desktop, let's find where "Microsoft Visual Studio 6.0" is, and click on it. Then we can see some shortcuts to the applications of the software suite, and "Microsoft Visual Basic6.0" is one of them and it is also our "target software" right now, let's select it.
ณ  สตาร์ทอัพเมนู ที่หน้าเดสต์ท็อปของระบบวินโดวส์  นักเรียนลองหาเมนู Microsoft Visual Studio 6.0  และคลิกเมาส์เลือก 
เรา จะเห็นช็อตคัตของแอปปลิเคชันต่างๆ ที่รวมกันอยู่ในซอฟต์แวร์ชุดนี้ รวมถึง Microsoft Visual Basic6.0 ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์เป้าหมายที่เราจะใช้ในงานนี้แหละ  เราก็เลือกซะนะ

At the "Start-up Menu of Windows", Find where the "Microsoft Visual Basic 6.0" is.
ณ สตาร์ทอัพเมนูของระบบวินโวส์  ให้หาว่า Microsoft Visual Basic 6.0 อยู่ไหน






2 We now at the main screen of Visual Basic 6.0 with its "New Project" window. Let's click on the "New" tab and select "Standard EXE" icon.
 ตอน นี้เราก็มาอยู่ ณ หน้าจอหลักของ Visual Basic 6.0 ซึ่งมีหน้าต่าง New Project โชว์อยู่  ให้เราเลือกแท็บ New และสัญรูป Standard EXE 
Select the "Standard EXE" icon  ให้นักเรียนเลือกสัญรูป Standard EXE

3 Before we go on, let's consider the components of the toolbar of Visual Basic 6.0.  Properties window, Run and Save project are what we have to focus on now.
ก่อนอื่น ขอให้เราลองพิจารณาแถบเครื่องมือของ Visual Basic 6.0 กันก่อน  Properties window, Run, Save project เป็นอะไรที่เราจะต้องโฟกัสออนกันก่อนตอนนี้

Design View of Visual Basic 6.0   มุมมองในโหมดออกแบบของวิชวลเบสิก

4 Controls are the genius tools that can be attached by any codes that can control any events such as clicking mouse or pressing key. Now the "Command Button" and the "Label" are the controls that we are going to use.
คอนโทรล เป็นเครื่องมืออัจฉริยะ ที่สามารถจะนำเอาโค้ดคำสั่งมาผูกติด ทำให้สามารถควบคุมเหตุการณ์ได้ อาทิ  การคลิกเมาส์  หรือการกดแป้นพิมพ์  ตอนนี้คอนโทรลที่เรากำลังจะใช้งานก็คือ Command Button และ Label

Controls of Visual Basic 6.0   คอนโทรลต่างๆ ของวิชวลเบสิก 6.0

5 Visual Basic programming begins with a form which has been named "Form1" by default. Visual Basic form simulates itself as platform which can receive many kinds of objects that created by the controls. Any object has its properties that has been shown in the properties window.
การ โปรแกรมด้วยภาษาวิชวลเบสิกนี้ จะเเริ่มจาก Form ซึ่งโปรแกรมจะกำหนดชื่อให้ก่อนเลยว่า Form1 (เราสามารถเปลี่ยนชื่อได้)  ฟอร์มของวิชวลเบสิกจะจำลองตัวมันเองเป็นเสมือนแพล็ตฟอร์ม ที่สามารถจะรองรับวัตถุหรืออ็อบเจ็กต์ที่สร้างจากคอนโทรล (ด้านซ้าย)  และวัตถุนั้นมันจะมีคุณสมบัติหรือพร็อพเพอร์ตีส์ของตัวมันเอง โดยจะแสดงให้เราเห็นในหน้าต่างพร็อพเพอร์ตีส์ (ด้านขวา)

Form and Controls are variety kinds of object of Visual Basic that have their own properties.
Form และ Controls เป็นอ็อบเจ็กต์(วัตถุ) ที่หลากหลายของ Visual Basic ที่มี properties ของตนเอง
6 Here we go on creating a design job like the following picture.  
    -  Using the "Command Button" control to draw the three sequence command buttons, Command1, Command2 and Command3. 
   -  Using the "Label" control to draw the six sequence labels, Label1,
Label2, Label3, Label4, Label5 and Label6 
ให้นักเรียนลงมือสร้างงานออกแบบ ตามรูปด้านล่างนี้เลยนะ
   -  โดยการใช้คอนโทรล Command Button วาดปุ่มคำสั่งขึ้นมาสามปุ่มตามลำดับ
   -  โดยการใช้คอนโทรล Label  วาดอ็อบเจ็กต์ต่อเนื่องกัน รวม 6 เลเบิล

Form1 would have three command buttons and six labels now.
Form 1 ที่เราออกแบบนี้ก็จะมีปุ่มคำสั่ง (command button) 3 ปุ่ม  และมีฉลาก (label) รวม 6 ฉลาก  


7 Click on "Form1", we can see its properties, rename it with "frmStopWatch" (frm is a pefix which comes from "form"). And change its caption to "Stop Watch Application".
คลิ กที่อ็อบเจ็กต์ Form1 เราจะเห็น properties ของมันอยู่ทางด้านขวา  ให้เราปรับเปลี่ยนชื่อ (name) ของมันใหม่เป็น "frmStopWatch" (frm เป็นคำนำหน้าชื่อ มาจาก form นั่นเอง)  และปรับเปลี่ยน Caption (คำอธิบายอ็อบเจ็กต์) ให้เป็น "Stop Watch Application"

Form1 Properties Configurations  การตั้งค่าคุณสมบัติของอ็อบเจ็กต์ Form1


8 Click on "Command1", yes we are about to specify the properties of this object. Rename it with "cmdStart" (cmd is a prefix which comes from "command button") and also refill its caption with "&Start Timing" (& is a prefix of the key letter that a user can press on this key together with the "alt" key instead of click on this command button). 
คลิ กปุ่ม Command1 เพื่อเปลี่ยนคุณสมบัติ  โดยให้ชื่อใหม่ว่า cmdStart (cmd เป็นคำนำหน้า มาจาก Command Button)  และเปลี่ยน Caption ให้เป็น "&Start Timing" (& นำหน้าตัวอักษรสำคัญที่จะบอกผู้ใช้ให้รู้ว่า เขาสามารถกดคีย์นี้ร่วมกับคีย์"alt"ที่คีย์บอร์ด เพื่อใช้งาน command button แทนการคลิกเมาส์ได้).


Change the properties of the command button :  name and caption
ให้นักเรียนเปลี่ยนชื่อ และแค็ปชันของปุ่มคำสั่ง

9 Do it the same way as the previous step. ทำเหมือนขั้นตอนที่แล้ว
Change the properties of the command button :  name and caption


10 Do it the same way as the previous step.ทำเหมือนขั้นตอนที่แล้ว

Change the properties of the command button :  name and caption


11  Change only the captions of Label1, Label2 and Label3 according to the following picture. ให้ เปลี่ยนเฉพาะ Caption ของทั้งสาม Labels เท่านั้น  ไม่ต้องเปลี่ยนชื่อ (เนื่องจากเป็นแค่ป้ายกำกับเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกำหนดโค้ดโปรแกรม)

Change the properties of the three labels :   captions  เปลี่ยนแค่แค็ปชันของสามเลเบิลแรก

12  Change the properties of the other last three labels, "Label4", "Label5" and "Label6" by renaming them to "lblStart", "lblEnd" and "lblElapsed" and erase their captions until they are blank.
เปลี่ยน properties ของ Label4, Label5, Label6 โดยเปลี่ยนชื่อเป็น lblStart, lblEnd, lblElapsed  และลบ captions ของทั้งสามเลเบิลออกจนว่างเปล่าทั้งหมด

Change the properties of Label4, Label5 and Label6 according to the picture. 
เปลี่ยนชื่อของสามเลเบิลท้าย  และเคลียร์แค็ปชันให้ว่าง (blank)
13  Now we have just already designed and configured all of related objects, the next step of us is coding our program. Let's click on the menu-bar at the "View" command tab, then select the "Code" sub-command, the view-code window will show up. Yes, we are going to enter our source codes of our application here.
มา ถึงตอนนี้ เราก็ได้ทำการออกแบบ และกำหนดคุณสมบัติต่างๆ ให้กับอ็อบเจ็กต์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องไปเรียบร้อยแล้ว  ขั้นตอนต่อไปของเราก็คือ การใส่โค้ดให้กับโปรแกรมของเรา  ให้นักเรียนคลิกไปที่แท็บคำสั่ง View ของแถบเมนู  จากนั้นให้เลือกคำสั่งย่อย Code  หน้าต่างโค้ดก็จะปรากฏขึ้น  ใช่เลย เราจะป้อนซอร์สโค้ดโปรแกรมของเราตรงนี้แหละ

Click on the "View" command at the menu bar, then select "Code" subcommand
14  The first set of source codes is about the declarations. There will be the "(General)" at the left-top of the view-code window and the "(Declarations)" at the right-top. We have to type four lines of our following source codes.
ซอร์สโค้ดกลุ่มแรก เป็นโค้ดที่เกี่ยวข้องกับการประกาศตัวแปร  นักเรียนจะเห็นว่ามี (General) อยู่ที่หัวข้อด้านซ้าย  และ (Declarations) อยู่ที่หัวข้อด้านขวา

        1st Line is about the General Declaration  เป็นคำประกาศทั่วไป
        2nd Line is the Declaration of variable "StartTime"  ประกาศตัวแปรเพื่อรับค่าเวลาเริ่มต้น
        3rd Line is
the Declaration of variable "EndTime" ประกาศตัวแปรเพื่อรับค่าเวลาที่หยุด
        4th Line is the Declaration of variable "ElapsedTime"
ประกาศตัวแปรเพื่อรับค่าเวลาที่ใช้ไป
15  This step is about attaching our source code to a control object. The "cmdStart" is a command button we are going to attach the source code. Let's double click on this command button, yes, this action could bring us to a module or subprogram that could be driven by an event, _click ( ), that means this subprogram could work when this command button was clicked on.
ขั้น ตอนนี้ จะเป็นการผูกซอร์สโค้ดโปรแกรมของเราไว้กับปุ่มคำสั่ง cmdStart  ให้นักเรียนดับเบิลคลิกที่ปุ่มคำสั่งนี้ (เมื่อเราอยู่ในมุมมอง Object)  จากนั้นจะพาเราเข้าสู่ห้วงของโมดุลหรือโปรแกรมย่อย  ซึ่งโปรแกรมย่อยหรือโมดลที่ว่านี้ จะถูกขับเคลื่อนโดยเหตุการณ์ (event-driven)  ซึ่ง ณ ที่นี้ก็คือ " _click ( )" การคลิกเมาส์ของผู้ใช้โปรแกรมนั่นเอง 
 What is about this source code?  It begins with assigning the recent time value (Now) to the variable "StartTime".  Then the method "Caption" stipulates that the label "lblStart" can show up data from the variable "startTime" with the "hh:mm:ss:" format.
ซอร์ส โค้ดนี้มันคืออะไรหรือ?  โค้ดจะเริ่มจากการกำหนดให้ตัวแปร StartTime เอาค่า Now คือเวลาปัจจุบันไปเก็บไว้  ต่อจากนั้นโค้ดก็จะมีวิธีการ (Method) ที่ชื่อว่า Caption  เป็นตัวกำหนดรูปแบบการแสดงค่าของเวลา โดยเอาค่าที่เก็บไว้ในตัวแปร StartTime นั้นมาแสดงผลเวลาในเลเบิล lblStart
 
Attach code to the command button "cmdStart"
ผูกโค้ดเข้ากับปุ่มคำสั่ง "cmdStart"

16  This step is similar to the previous but it turns to the "cmdEnd" command button. But it creates the expression which assigns the variable "ElapsedTime" with the difference of the variable "EndTine" and the variable "StartTine".
ใน ขั้นตอนนี้ ก็คล้ายกับขั้นตอนที่ผ่านมา  แต่จะมีการสร้างนิพจน์คำนวณค่าส่วนต่างของเวลา ระหว่่างตัวแปร EndTime และตัวแปร StartTime และนำไปเก็บไว้ในตัวแปร ElapsedTime
 
Attach code to the command button "cmdEnd"
ผูกโค้ดเข้ากับปุ่มคำสั่ง "cmdEnd"

17  This is the end of application with the only amazing word "End"
Attach code to the command button "cmdExit"
ผูกโค้ดเข้ากับปุ่มคำสั่ง "cmdExit"


18  Congratulation to our tough project!. This is the output of our input and process. Yes, it is the "Stop Watch Application" of us.  
ขอ แสดงความยินดีกับโครงงานสุดหินนะนักเรียน  นี่คือผลที่ได้ จากการสร้างและป้อน  ประมวลผล  จนได้แอ็ปปลิเคชันนาฬิกาจับเวลา หน้าตาแบบนี้แหละน้า

Our Graphic User Interface Application :  "Stop Watch"
แอ็ปปลิเคชันของเราที่มีรูปแบบการติดต่อกับผู้ใช้เป็นกราฟิก (GUI)

 

What/How About Our Home Network is?

What/How About Our Home Network is?

by  Teacher  Phaitoon  Yaemprasuan  :  occupatech@gmail.com
                                   http://picta55.blogspot.com
 

I have known from students of my computer classes that the Internet connection at their homes is of TOT provider. Yes, my internet service provider (ISP) is TOT too. What/how is my home network?  The modem-router is the main device of the network because it plays many roles as of the followings : -
   1) to simulate itself like a server computer
   2) to act as a hub/switch of the wired connection
   3) to be an access point sending packets of the wireless connection
   4) to play as an ADSL modem connecting Internet
   5) to be a router managing the how-to connect to other devices
รู ทราบจากนักเรียนหลายคนที่เรียนวิชาคอมพิวเตอร์กับครูว่า ที่บ้านของพวกเขามีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ทศท.(TOT) ซึ่งที่บ้านครูก็ใช้บริการของ ทศท.เหมือนกัน  แล้วระบบเครือข่ายที่บ้านเราจะเป็นแบบไหน?  อุปกรณ์หลักก็คือ โมเด็ม-เราเตอร์ (modem-router) ซึ่งอุปกรณ์นี้จะทำหน้าที่หลายบทบาทด้วยกัน คือ
   1) จำลองตัวเองเป็น server computer
   2) เป็น hub/switch ของการเชื่อมต่อแบบใช้สาย
   3) เป็น access point ทำหน้าที่ส่งแพ็คเก็ตส์ในระบบเครือข่ายไร้สาย
   4) เป็น ADSL modem เชื่อมต่อ Internet
   5) เป็น router บริหารจัดการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์/คอมพิวเตอร์อื่นในเครือข่าย

Be sure, most of our home network is hybrid. One is wired while another is  wireless. Although a home network is not complex, but its system is so smart and its Internet connection is so clever with the ADSL technology. The superstar is a "modem-router", the genius device.
โฮ มเน็ตเวิร์กที่บ้านส่วนใหญ่เป็นไฮบริด คือ ผสมกันทั้งแบบมีสาย (wired) และแบบไร้สาย (wireless)  แม้ว่าระบบโฮมเน็ตเวิร์กอาจจะดูไม่ซับซ้อนอะไรมาก  แต่ระบบเครือข่ายนี้ก็ไม่ไช่ธรรมดา การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตก็ทำได้ดีด้วยเทคโนโลยี ADSL และแน่นอนว่า อุปกรณ์อัจฉริยะของระบบก็คือ "modem-router" นั่นเอง


The composition of any home network
(e.g. home internet connection of students)
     UTP :  Unshielded Twisted Pair cables are so common in any computer rooms  e.g. classroom102 of our school. The UTP cable is caped with a connector which is called RJ-45. The RJ-45 connector will be inserted into the LAN port of any Ethernet card/router/switch/hub. (The RJ-11 connector of the phone line is smaller than RJ-45).
สายเคเบิลแบบยูทีพี (UTP) หรือสายคู่บิดเกลียวไม่หุ้มฉนวน (Unshielded Twisted Pair cables) จะ พบได้ทั่วๆ ไปในห้องคอมพิวเตอร์ อาทิ ห้องเรียนคอมพ์102 ในโรงเรียนของเรา  UTP จะถูกเข้าหัวด้วยหัวต่อ หรือคอนเน็กเตอร์ (Connector) ที่เรียกว่า RJ-45  ซึ่งหัวต่อนี้จะถูกเสียบไว้ที่ช่องเสียสายแลน หรือแลนพอร์ต (LAN port)   เราเตอร์ สวิตช์ หรือฮับ  (ขณะที่หัวต่อ RJ-11 ของสายสัญญาณโทรศัพท์จะมีลักษณะเหมือนกัน แต่มีขนาดเล็กกว่า)

 What is ADSL? (www.wikipedia.org) : It is "Asymmetric Digital Subscriber Line" technology. This is a data communications technology that enables faster data transmission over copper telephone lines than a conventional modem can provide. (Modem is a device that manages the joint communication between the phone and the computer.)
ADSL คืออะไร? (www.wikipedia.org สารนุกรมเสรี) อธิบายว่า "Asymmetric Digital Subscriber Line" technology.
  เป็นเทคโนโลยีโทรคมนาคมที่ทำให้การส่งข้อมูลผ่านสายโทรศัพท์ที่ปกติจะเป็น สายทองแดงนั้น ทำได้ดีมีประสิทธิภาพมากกว่า การใช้โมเด็มธรรมดา (Modem เป็นอุปกรณ์ที่จะทำหน้าที่บริหารจัดการสัญญาณจากโทรศัพท์และสัญญาณจาคอมพิวเตอร์ให้มาทำงานร่วมกันได้)


Another one I would like to refer to is "protocol". What is it? protocol is a system of digital message formats and rules for exchanging those messages in or between computing systems and in telecommunications. And in our network we use the TCP/IP (comes from "Transmission Control Protocol and Internet Protocol). Now Thailand uses IPv4 protocol, but Thai government by Prime Minister Yingluck  Shinawatra is going to change the Internet protocol of the country with another version, IPv6 protocol, which has more capacity and efficiency of transmission.  
 ละมีอีกเรื่องที่ครูอยากจะพูดถึงก็คือ "โปรโตคอล" มันคืออะไร?  ถ้่าจะว่าไปนะ คำๆ นี้ มันเป็นภาษาที่ใช้ในวงการฑูตเขา คือกรณีที่ต้องมีการติดต่อสื่อสารกันระหว่างพวกฑูตของประเทศต่างๆ เขาก็จะต้องมีวิธีการ มาตรฐาน ระบบระเบียบต่างๆ ที่เข้าใจตรงกัน และเขาเรียกว่า protocol ทางวงการคอมพิวเตอร์ก็ไปขอยืมคำศัพท์ของเขามาใช้บ้าง  โปรโตคอลของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (www.wikipedia.org) ก็คือ ระบบของรูปแบบข่าว สารเชิงดิจิตอลและกติกา ของการแลกเปลี่ยนกันระหว่างระบบคอมพิวเตอร์และโทรคมนาคม  ซึ่งทุกวันนี้ โปรโตคอลที่เราใช้ในเครือข่ายนั้น คือ ทีซีพี/ไอพี (โปรโตคอลควบคุมการส่งข้อมูล และอินเทอร์เน็ตโปรโตคอล)  และ ตอน นี้รัฐบาลไทย ภายใต้การนำของ ฯพณฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  ก็กำลังปรับเปลี่ยนอินเทอร์เน็ตโปรโตคอลของประเทศเรา ที่ขณะนี้เป็นเวอร์ชัน 4 ให้เป็นเวอร์ชั่น 6  เพื่อรองรับปริมาณของเครือข่าย และประสิทธิภาพที่ขยายเพิ่มขึ้น
 
Because each computer of the network has its own unique "IP-address", what/how is it? As I have just told you (see, first paragraph) that the modem-router simulates itself like a server computer, sure its IPaddress must be static, e.g. (IPv4) 192.168.2.1, 192.168.1.1, 192.168.0.1 etc. , on the other hand it lets the other connected computer the dynamic/automatic IPaddress. Yes, the modem-router of the home network is the gateway to Internet.

พราะเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ฃะเครื่องในระบบเครือข่าย ต่างก็มีรหัสไอพี (IP-address) เฉพาะตัวไม่ซ้ำกัน  เหตุไฉน/อย่างไร?  ก็ตามที่ึรูได้กล่าวไปแล้วว่า  modem-router จะจำลองตัวมันเองเป็นเสมือน server computer  แน่นอนว่า ตัวมันเองก็จะต้องมีรหัสไอพีที่แน่นอนตายตัว อาทิ (ถ้าดูตาม IPv4)  192.168.2.1, 192.168.1.1, 192.168.0.1 ประมาณนี้  ในอีกทางหนึ่งมันก็ยอมให้เครื่องอื่นๆ ที่เป็นลูกข่าย/ลูกน้อง ที่มาเชื่อม่อเครือข่ายกับมันมีรหัสไอพีแบบอัตโนมัติ  ส่วนจะเป็นอะไรนั้นก็แล้วแต่มันจะจัดให้  แต่ก็มักจะเป็นรหัสที่ต่อเนื่องกับตัวมันนั่นแหละ  อาทิ 192.168.2.3 เป็นต้น เพราะตัวมันเองเป็นเครื่องเกตเวย์
Teacher's home network PC/Modem-router IPaddress Configuration
I use the "IPCONFIG" command to see what/how my home PC/modem-router IPaddress configuration by typing the command at the command line of Windows and what I knows are the followings 

... 192.168.2.1  is the IPaddress (IPv4) of my modem-router, Belkin brand.
... 192.168.2.3  is the IPaddress (IPv4) of my PC, configured by the modem-rounter 

รูได้ใช้คำสั่ง ณ คอมมานด์ไลน์ของ Windows7 ว่า  IPCONFIG  เพื่อต้องการทราบว่า  รหัสไอพีของเครื่องคอมพิวเตอร์ และโมเด็ม-เราเตอร์ที่บ้่านมีค่าอะไร ก็พบว่า
... 192.168.2.1  เป็นรหัส IPaddress (IPv4) ของ modem-router, ยี่ห้อ Belkin
... 192.168.2.3  เป็นรหัส IPaddress (IPv4) ของเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่จัดให้/กำหนดให้โดย modem-rounter

Yes, each other computer in the network can never be configured with a static IPaddress because the modem-router as the server PC/the gateway PC cannot share Internet connection anyway.
ใช่เลย คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ในระบบโฮมเน็ตเวิร์ก มิอาจมีค่ารหัสไอพีแบบคงตัวได้  เพราะมันจะต้องถูกตั้งเป็นอัตโนมัติไว้ให้  modem-router ในฐานะเป็น server PC/the gateway PC เป็นตัวกำหนด  ถ้าไม่เช่นนั้น  มันจะไม่สามารถแชร์การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมาให้ได้นั่นเอง

How to Create Your Blog with www.blogger.com สร้างบล็อกอย่างไร

                         Teacher Phaitoon  Yaemprasuan   : occupatech@gmail.com

                                                              http://picta55.blogspot.com

They are energetic schoolkids who love to learn and learn to develop their competencies.
พวกเขาเป็นนักเรียนที่เอางานเอาการ รักการเรียน และเรียนรู้ที่จะพัฒนาสมรรถนะในการเรียนของตนเอง

1. After you had signed in Google Mail Service and then you had your own Gmail, well, you are now the one who can ask for your blog creation with www.blogger.com using your Gmail.

หลัง จากที่นักเรียนได้ไปลงทะเบียนขอมี Gmail account กับ Google แล้ว  นักเรียนก็สามารถเข้าไปขอสร้าง Blog กับ blogger.com โดยใช้ Gmail address ที่นักเรียนขอไว้แล้วนั่นเอง  [Gmail และ Blogger เป็นของ Google เหมือนกัน จึงไปกันได้ด้วยดี)


2. After entering your Gmail with its password, the "Welcome Screen" of Blogger appears and confirms that you have just passed its regulation. Now you can either add your profile details or skip to the next step.
ถ้า กรอกถูกต้อง นักเรียนก็จะมาพบกับหน้าจอ ตอบรับของ blogger  ตรงนี้นักเรียนอาจจะเพิ่มรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเองลงไปใน Profile ก็ได้  หรืออาจจะข้ามไปก็ได้

You can give more details of your profile or you can skip to the next step by clicking the orange button.

3. See "New Blog" and click, wow, to create your blog any way!!!
หลังจากนั้นก็จะเข้าสู่หน้าจอที่บอกว่า ให้นักเรียนสร้างบล็อกได้  ก็ทำง่ายๆ เพียงแค่คลิกที่ "บล็อกใหม่" 







4. Yeah!, you have to fill some fields related to your new blog e.g.   title, address and  template. But you can pass this task easily. Or you can skip it. (Because you can change these options any time).
 หลังจากที่คลิกบล็อกใหม่  นักเรียนก็จะมาพบกับหน้าจอที่เขียนว่า รายการบล็อก  นักเรียนก็จะต้องกรอกที่อยู่ของบล็อก  ซึ่งนักเรียนก็กรอกตามที่ครูกำหนด คือเลขประจำตัว 4 หลัก ตามด้วยตัวอักษรของชื่อ  ในภาพเป็นบล็อกของครูที่ทำเป็นตัวอย่าง  (ของนักเรียนต้องดูภาพล่างถัดจากภาพนี้) 



 
===> เมื่อกรอกถูกแล้วก็ยืนยันว่า สร้างบล็อก


5. You can select "Settings Option" to change the style/template of your blog anyway and anytime.
นักเรียนสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่กำหนดไว้ของบล็อกได้  โดยไปเลือกที่การตั้งค่า
หรือเปลี่ยนรูปแบบ/แม่แบบ ก็ยังได้  (ดังรูปข้างล่างนี้)



6. Well, you can start your post now.  See the sample below.
ลงมือสร้างบทความ (POST)  ดังตัวอย่าง หลังจากนั้นก็เผยแพร่ (Publish)


7.  When you select the option "View Blog", your blog with your post will appears like the following.

เมื่อเราเรียกดูบล็อก (View blog)  ก็จะมีหน้าตาทำนองนี้ ดังตัวอย่าง



======================================================================

There are any students complain that they have no Internet connection at home, so they can never create their blog. The teacher realizes the problems. But the cops (the fans of Liverpool Football Club) say, "You'll never walk alone", be sure you still have friends who can help you. Look for a star that guides you to the way out.

วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Computer Network เครือข่ายคอมพิวเตอร์

Computer Network เครือข่ายคอมพิวเตอร์

TEACHER :  Phaitoon  Yaemprasuan    :  occupatech@gmail.com
                  http://picta55.blogspot.com



What is Computer Network? Why?

If any computer is not connected to others it is called "a stand-alone machine".  Today if anyone uses any stand-alone machine , he must be considered a stranger because the world today is of computer networks. A network machine can send/receive packets (bits of data per second) to/from any other machines e.g. Internet.  Our computers/tablet PCs/smart phones can never be alone anymore. Yes, they have been connected to their networks both local (e.g. the networks in our school) and global (e.g. Internet). We can share our resources such as  files, printers etc. to each other through our local area network (LAN) or we can exchange our data through the wide area network (WAN) like Internet.

เครือข่ายคอมพิวเตอร์คืออะไร? ทำไม?

ถ้าหากคอมพิวเตอร์เครื่องไหนไม่ได้เชื่อมต่อกับใคร มันจะถูกเรียกว่า "เครื่องที่โดดเดี่ยว" และถ้ามีคนใช้เครื่องคอมพิวเตอร์แบบนั้น ก็จะถูกมองว่าเพี้ยนหรือเปล่า?  เพราะโลกทุกวันนี้ได้กลายเป็นโลกของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ไปเรียบร้อยแล้ว  เครืองคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย จะสามารถส่ง/รับข้อมูล ไปสู่/จากเครื่องอื่นๆ  เช่น  อินเทอร์เน็ต  เครื่องคอมพิวเตอร์/แท็บเล็ต/สมาร์ตโฟน ของเรา จึงไม่อาจอยู่ได้อย่างเดียวดายอีกต่อไป  เพราะมันจักต้องถูกเชื่อมต่อเข้ากับระบบเครือข่าย  ทั้งเครือข่ายท้องถิ่น (เช่น เครือข่ายภายในโรงเรียนของเรา)  และเครือข่ายระดับโลก (เช่น อินเทอร์เน็ต)  เรายังสามารถแบ่งปันทรัพยากร อาทิ  ไฟล์ เครื่องพิมพ์  ให้กันและกันในเครือข่าย ผ่านระบบเครือข่ายเฉาะที่ (แลน) หรือเราสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านระบบเครือข่ายวงกว้างอย่างอินเทอร์เน็ต ได้ด้วย



Figure 1   What is Computer Network  เครือข่ายคอมพิวเตอร์คืออะไร

Figure 2  Computer Network classified by Area Width
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ จำแนกตามขนาดของพิ้นที่


Figure 3  Types of Network Topology
รูปแบบการเชื่อมต่อของเครือข่าย


Figure 4   Star/Extended Star Topology
รูปแบบการเชื่มต่อแบบสตาร์ และแบบสตาร์หลายๆ กลุ่ม

Figure 5   The Server-Client Network What/How
เครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบ แม่ข่าย-ลูกข่าย

::      ::      ::

What/How of the Network in Comp102 Classroom?

เครือข่ายคอมพิวเตอร์ ห้องเรียนคอมพ์102 เป็นแบบไหน/อย่างไร


Because the operating software (OS) of all computers in classroom-102 is Windows7, so any students who use them, those machines, should better understand how they work, especially how to use the network of them.

พราะซอฟต์ แวร์ระบบปฏิบัติการ (โอเอส) ของคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในห้องเรียน 102 คือ Windows7 ดังนั้นนักเรียนก็น่าจะต้องรู้ว่า มันมีวิธีการทำงานอย่างไร โดยเฉพาะระบบเครือข่าย 
 Our computers in comp102 classroom are connected together with the UTP (unshielded twisted pair) cables. Why? Because the unshielded cables are lower cost than the shielded cables which have been used in the signal noisy areas e.g.  airports, factories, etc. The style of their connection is "Star Topology" which each machine has its own cable which connects directly to the hub/switch.  A hub/switch is the center point of cables (both devices are similar to each other but a switch is more clever than a hub) . Well our network is called Local Area Network (LAN). Any LAN must has its workgroup name which required by the Operating System (OS) of each computer, Windows7 . But the administrator (the teacher) of this LAN  named it "comp2" workgroup. 

ครื่อ งคอมพิวเตอร์ในห้องเรียน 102 เชื่อมต่อด้วยสายเครือข่ายแบบ สายคู่บิดเกลียวไม่หุ้มฉนวน หรือสายยูทีพี ทำไมต้องเป็นสายแบบนี้?  เพราะราคาสายแบบนี้มันถูกกว่า สายเคเบิลแบบหุ้มฉนวน ที่ใช้กันในพื้นที่ที่มีการรบกวนสัญญาณมาก เช่น โรงงานในนิคมอุตสาหกรรม  ท่าเรือ ท่าอากาศยาน ฯลฯ และการที่ต้องบิดเป็นเกลียวก็เพื่อให้ป้องกันการรบกวนสัญญาณนั่นเอง  ซึ่งรูปแบบหรือโทโพโลยีของการต่อระบบแลน จะเป็นแบบสตาร์โทโพโลยี  นั่น คือเครื่องทุกเครื่องก็จะมีสายเคเบิลเป็นของตนเองไปโยงกับฮับ/สวิตช์ ที่ถือว่าเป็นจุดรวมศูนย์ของสายเคเบิลนั่นเอง (ทั้งสองอุปกรณ์ทำหน้าที่เหมือนกัน แต่สวิตช์จะมีความสามารถในการจัดการมากกว่า เช่น สายใดที่ไม่มีการเชื่อมต่อ สวิตช์มันก็จะตัดออกจากระบบ เป็นต้น)  ระบบเครือข่ายของเราเรียกว่า แลน  โดยแลนแต่ละวงจะต้องมีการกำหนดชื่อ เวิร์กกรุ๊ป ซึ่งของห้องเรียน 102 ครูผู้สอนกำหนดชื่อว่า comp2

The Teacher Teaches About Programming Using C-Language in Comp102 Classroom
ครูผู้สอน ขณะกำลังสอนเกี่ยวกับการโปรแกรมด้วยภาษาซี ณ ห้องเรียนคอมพ์102

 

::      ::      ::


If we consider only the "comp2-workgroup LAN", it is a peer-to-peer network that every machine is independent from each other but shares its files/folders/printers to its peers. On the other hand, when this workgroup connects to the server computer of "the School Media Center", it must be a client-server network. 

ถ้าพิจารณาเฉพาะเครือข่ายห้องเรียนคอมพ์102 มันจัดว่าเป็น เครือข่ายแบบ-เพื่อน-ถึง-เพื่อน หรือ peer-to-peer  นั่นหมายถึงว่า คอมพิวเตอร์แต่ละเครืองในวงแลนจะเป็นอิสระจากกันและกัน เพียงแต่มาร่วมกลุ่มกันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยกันในหมู่เพื่อนแค่นั้น  ในอีกทางหนึ่ง หากนำเอาวงแลนนี้ไปต่อเชื่อมกับเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย หรือ server computer ที่อยู่ในห้องศูนย์สื่อ ของโรงเรียน  เครือข่ายก็จะกลายเป็นแบบ "แม่ข่าย-ลูกข่าย" หรือ Server-Client Network

What is about the client-server network? It means that the server computer of "the Media Center" is the manager/boss of other computers which are only the clients. The server computer has been installed with the operating-software-for-server such as Windows2003server/Windows2008server , Linux or  Unix, which can manage the client computers of the network. The clients have to obey the server because the latter has the power to control/ban the former. Yes, the clients can never control/manage the server.
 ครือข่ายแบบ Server-Client Network เป็นแบบใด? ก็หมายความว่า เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย (Server) ของศูนย์สื่อคือ ผู้จัดการ/นาย ของเครื่องอืนๆ ที่มีสถานะเป็นแค่ลูกน้อง หรือClient แค่นั้น  การที่เครื่องเซิร์ฟเวอร์สามารถบริหารจัดการเครืองลูกข่ายของมันได้นั้น เพราะมันได้ติดตั้งซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการแบบแม่ข่ายเอาไว้นั่นเอง อาทิ Windows2003server/Windows2008server , Linux หรือ  Unix ซึ่งเครื่องลูกข่ายจะ ต้องยอมให้ตนเองถูกจัดการได้ เพราะซอฟต์แวร์ระบบของเครื่องแม่ข่ายสามารถควบคุม/สั่งแบน เครื่องอื่นๆ ได้  ในขณะที่เครื่องอื่นๆ ไม่สามารถบริหารจัดการเครื่องเซิร์ฟเวอร์ได้นั่นเอง  

The Common Personal Computer that was installed with the Linux Server Operating System.
เครื่องพีซีบ้านๆ ที่เอามาทำเป็นเครื่องเซิร์ฟเวอร์  โดยนำมาติดตั้งระบบปฏิบัติการลีนิกซ์สำหรับเครื่องข่าย
Every machine in the network is required to have its unique "hostname" and "IP address".  Only the server computer has the "static IP-address" while the IP addresses of the client computers are "dynamic" specified/controlled by the sever. If the user of any client computer specify the static IP address himself, the server computer can never share the Internet connection because the "IP address conflict" problem could be occurred easily. Then the alien client will be kicked off /faded away from the network simultaneously. Yes, the server computer is the "Internet gateway" of the network.

อม พิวเตอร์ทุกเครื่องต้องมีชื่อเฉพาะตัวที่ไม่ซ้ำใคร เรียกว่า Hostname  และต้องมีรหัสหมายเลขเครื่องกำกับไว้ เรียกว่า IP-address  และในเครือข่ายแลนก็จะมีแค่เพียงเครื่องแม่ข่ายหรือเซิร์ฟเวอร์เท้านั้น ที่มีรหัสไอพีแอสเดรสแบบคงที่ เรียกว่ามี static IP-address   ขณะที่ไอพีแอสเดรสของคอมพิวเตอร์ลูกข่ายทั้งหลาย จะไม่คงที่ หรือDynamic  ส่วนจะเป็นรหัสไอพีอะไรนั้น เครื่องเซิรฟเวอร์จะเป็นตัวจัดการให้เอง โดยยึดหลัก FIFO (First In, First Out) ก็หมายความว่า เครื่องลูกข่ายตัวไหนเชื่อมต่อกับเครื่องเซิร์ฟเวอร์ก่อนก็จะๆด้รับการจ่าย รหัสไอพีให้ก่อน-หลัง ตามลำดับไป  แต่ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่ายตัวไหนไปดำเนินการกำหนดรหัสไอพีแอสเดรสของ ตัวเองเป็นแบบคงที่ละก็ คอมพิวเตอร์เครื่องนั้นๆ ก็จะถูกเครื่องเซิร์ฟเวอร์เฉดหัวออกไปจากระบบ มิเช่นนั้นอาจจะทำให้เกิดปัญหารหัสไอพีชนกันได้ในระบบ และเครื่องเซิร์ฟเวอร์ในฐานะเกตเวย์หรือทางออกสู่อินเทอร์เน็ตของระบบ ก็จะไม่ยอมแบ่งปันการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตให้กับเครื่องนั้นๆ 

OK., after selecting the "Local Area Network" option, the "Local Area Network Connection Status" window appears. You can see its speed of packets transmission (100 Mbps) , bytes of the sent/received packets. 

ลังจากที่นักเรียนเลือก  "Local Area Network" หน้าต่างที่ชื่อ "Local Area Network 
Connection Status" ก็จะโผล่หน้ามาให้ยล ตรงนี้แหละนักเรียนก็จะเห็นได้ว่า ความเร็วของเครือข่ายเราขนาดไหนในการส่งแพ็คเก็ตส์ (จำนวนบิตของข้อมูลในหน่วยวินาที) ความเร็วระดับมดวิ่งนั่นแหละ แค่สัก 100 ล้านบิตต่อวินาที อย่าลืมว่า ตั้ง 8 บิต จึงจะได้ไบต์





Then, when you click on the "Properties" button, another window shows. To find and select the "Internet Protocol Version) option, you can see its IPaddress has been obtained automatically by the gateway/server computer (of the School Media Center).

ต่อ จากนั้นเราก็คลิกปุ่ม properties เราจะพบว่า เครื่องลูกข่ายที่เราใช้อยู่ จะถูกจ่ายรหัสไอพีให้แบบอัตโนมัติ ตามที่กล่าวมาแล้ว (ถ้าจะปรับเป็นรหัสคงที่ก็ต้องมาปรับตรงนี้) แต่ปกติจะตั้งไว้ตามรูปนั่นแหละ

  

::      ::      ::

Another one I would like to refer to is "protocol". What is it?  A protocol (www.wikipedia.org) is a system of digital message formats and rules for exchanging those messages in or between computing systems and in telecommunications.  And in our network we use the TCP/IP (comes from "Transmission Control Protocol and Internet Protocol).  Now Thailand uses IPv4 protocol, but Thai government by Prime Minister Yingluck Shinawatra is going to change the Internet protocol of the country with another version, IPv6 protocol, which has more capacity and efficiency of transmission. 


มี อีกเรื่องที่ครูอยากจะพูดถึงก็คือ "โปรโตคอล" มันคืออะไร?  ถ้่าจะว่าไปนะ คำๆ นี้ มันเป็นภาษาที่ใช้ในวงการฑูตเขา คือกรณีที่ต้องมีการติดต่อสื่อสารกันระหว่างพวกฑูตของประเทศต่างๆ เขาก็จะต้องมีวิธีการ มาตรฐาน ระบบระเบียบต่างๆ ที่เข้าใจตรงกัน และเขาเรียกว่า protocol ทางวงการคอมพิวเตอร์ก็ไปขอยืมคำศัพท์ของเขามาใช้บ้าง  โปรโตคอลของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (www.wikipedia.org) ก็คือ ระบบของรูปแบบข่าว สารเชิงดิจิตอลและกติกา ของการแลกเปลี่ยนกันระหว่างระบบคอมพิวเตอร์และโทรคมนาคม  ซึ่งทุกวันนี้ โปรโตคอลที่เราใช้ในเครือข่ายนั้น คือ ทีซีพี/ไอพี (โปรโตคอลควบคุมการส่งข้อมูล และอินเทอร์เน็ตโปรโตคอล)  และ ตอน นี้รัฐบาลไทย ภายใต้การนำของ ฯพณฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  ก็กำลังปรับเปลี่ยนอินเทอร์เน็ตโปรโตคอลของประเทศเรา ที่ขณะนี้เป็นเวอร์ชัน 4 ให้เป็นเวอร์ชั่น 6  เพื่อรองรับปริมาณของเครือข่าย และประสิทธิภาพที่ขยายเพิ่มขึ้น